menu Menu
เมื่อ Wall St. สนใจ Bitcoin
By ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ Posted in published on January 8, 2018 0 Comments 60 words
Future of Money (ตอนที่ 1): ใครๆ ก็ให้กู้ได้ Previous ธนาคาร: อยู่รอดในยุคฟินเทคได้อย่างไร? Next

ประเดิมกันไปสดๆ ร้อนๆ​ นะครับกับตลาด Bitcoin futures สองแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่เปิดตัวไปในอาทิตย์ที่ผ่านมา

สัญญา Futures ของ Bitcoin ภายใต้ ticker “XBT” เปิดให้เทรดที่​ Cboe​ ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ราคา futures เดือนมกราคาของ Bitcoin ก็ทยานขึ้นไปเกิน 25%  ส่งผลให้ตลาดเกิด circuit breaker ยุติการซื้อขายชั่วคราวถึง 2 ครั้ง

ถือเป็นสัญญานว่า Wall St. มองว่า Bitcoin จะยังไปต่อได้อีก  คลายความกังวลในหมู่นักเทรด Bitcoin กันไปชั่วขณะเนื่องจากในอาทิตย์ที่ผ่านมาเริ่มมีกระแสว่าการมาของตลาด Futures ครั้งนี้อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นยักษ์ใหญ่เข้ามาถล่มและเก็งกำไรจากการร่วงหล่นของราคา Bitcoin ในตลาด Spot

บทความนี้จะชี้ 2 ประเด็นที่น่าจับตามองหลังจากที่ Wall St. กำลังเข้ามาร่วมวงในโลกคริปโตครั้งนี้ครับ

บทบาทของ​​ตลาด​ Futures

ประเด็น​แรกคือตลาด​ Futures สำหรับ​ Bitcoin​ จะถูก​ใช้เพื่อจุดประสงค์​ใด

ปกติแล้วตลาด​ Futures มีประโยชน์​เชิงเศรษฐกิจ​จริงๆ ก็คือการเปิดโอกาส​ให้เราสามารถบริหารความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์บางอย่างผ่านการซื้อหรือขายสัญญา​ futures ของสินทรัพย์นั้น

ยกตัวอย่าง​ เช่น​ ชาวสวนที่ปลูกยางพารา​สามารถไป​ short​ futures ยางพาราเพื่อช่วย​ปิดความเสี่ยงในกรณีที่ยางพาราจะราคาตกในเดือนหน้าได้​  ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป​ถ้าราคายางตกจริง​ สัญญานี้จะช่วยการันตีรายได้ให้ได้อย่างน้อยคือราคา​ตามใน​สัญญา​

ถ้าราคายางขึ้นไปมากกว่าที่คิดไว้​ ชาวสวนจะปิด​ short​ position ในตลาด​ futures  ยอมขาดทุนในตลาด futures นิดหน่อย​ แต่โดยรวมกำไรของเขาจะคงที่ไม่ว่าราคายางจะผันผวนแค่ไหน

ทีนี้กลับมาที่​ Bitcoin​

ผู้เขียน​มองว่าการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวไม่น่าจะใช่บทบาทหลักของตลาด​ Bitcoin​ futures  เหตุคือเนื่องจากผู้เล่นยักษ์​ใหญ่แตก​ต่างจากชาวสวนยางพาราตรงที่เขาไม่ได้​ long สิ่งที่เขากำลังเทรด​ futures  ไม่เหมือนกับที่ชาวสวน​เขาลงทุนปลูก​ยางพารา​ (ซึ่งก็คือการ​ long แบบหนึ่ง)​

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการเทรด​ Bitcoin​ ตรงๆ​ ยังไม่ถูกกฎหมายพอสำหรับผู้เล่นสถาบันเหล่านี้

คำถามต่อมาคือแล้วการเข้ามาเพื่อเก็งกำไร​อย่างเดียวหรือเพื่อสร้าง​ exposure กับโลกคริิปโตให้กับลูกค้าของเขามันมีประโยชน์ต่อตลาด​ Bitcoin​ โดยรวมบ้างหรือไม่

ผู้เขียนมองเห็นประโยชน์​แค่​ 2 อย่าง

  1. คือมันสร้างสภาพคล่อง​ให้กับผู้เล่นรายย่อยที่ต้องการ​ hedge ความเสี่ยงจากการเทรด​ Bitcoin​ จริงๆ​  และ
  2. ถ้าเราคิดว่า​ Wall St. รู้ดีที่สุดว่า​ valuation ที่แท้จริงของ​ Bitcoin​ คือเท่าไหร่​ มันอาจช่วยหล่อหลอมราคาที่แท้จริงออกมาได้

ต่อไปควรระวังให้มากกว่าเดิม

พูดถึงประโยชน์​กันไปแล้ว​ มาพูดถึง​โทษภัยกันบ้าง

ผู้เขียน​คิดว่ามันไม่เร็วเกินไปหากเราจะเริ่มพูดถึง​ systemic risk เมื่อผู้เล่นรายใหญ่เริ่มจับกระแสคริปโตกันมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราเห็น​ regulator หลายแห่ง (ยกเว้นบางแห่งเช่น เกาหลีใต้ที่แบน ICO)  ยังเชื่องช้าและดูเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะใช้ไม้แข็ง​เลยทั้งๆ​ ที่ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ มากมายว่าสถาบันการเงินใหญ่ๆ จะเริ่มเข้าไปร่วมสนุกกับสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นฟองสบู่ และเริ่มมีกลิ่นอายของการพนันมากขึ้นทุกวัน

จริงอยู่ว่ามูลค่าโดยรวมของ​โลกคริปโตยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์​พิษ​ ​(toxic assets) เมื่อช่วงก่อนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์​  แต่ปัญหา​ systemic risk ที่เวลาวงแตกแล้วลามไปทั่วก็มักเริ่มแบบนี้​

เริ่มเล็กๆ​ ก่อน​ พื้นฐานเข้าใจยาก​ แต่ก็แห่กันซื้อขาย​ เพราะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำไม่เร้าใจ​ กฎหมายควบคุมก็ค่อนข้างหละหลวม กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป

คงต้องคอยจับตาดูกันต่อไป เมื่อการเข้าหา​ exposure กับโลกคริปโตโดยนักลงทุนสถาบันกลายเป็นแบบ​ debt financed เมื่อไหร่​ ปัจจัยอันตรายเดิมๆ​ ที่ทำให้เกิดวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่าก็มีโอกาสกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันใหม่อีกครั้ง

สำหรับนักลงทุนรายย่อย ผู้เขียนคิดว่าวันนี้ไม่ถือว่าเร็วไปที่จะสำรวจดีๆ ว่า exchange ที่คุณกำลังซื้อขายอยู่จะสามารถรับมือสถานการณ์ Bank Run ได้ดีแค่ไหน ก็ขอให้ระวังกันมากๆ ครับ

Bitcoin ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ เศรษฐศาสตร์


Previous Next

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Cancel Post Comment

keyboard_arrow_up