ความยาว: 4 นาที
บทสรุป: 1. รายการทีวี Teen Mom สามารถลดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นได้ 2. งานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นตัวเบิกทางงานวิจัยอื่น ๆ ในอนาคตที่เกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค
แม้ว่าการตัดสินใจมีบุตรนั้นจะเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ในมุมมองของส่วนรวมนั้น การมีบุตรก่อนวัยอันควรหรือการตั้งครรถ์แบบไม่พร้อมในวัยรุ่นนั้นสามารถนำความเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายต่อสังคมและค่าใช้จ่ายต่อเศรษฐกิจหลากหลายรายการ เช่น การหยุดเรียนและการลางานก่อนเวลาอันควรของคุณแม่ การหย่าร้าง ภัยสุขภาพจากการให้กำเนิดขณะอายุยังน้อย ไปจนถึงความเสี่ยงต่อ “คุณภาพ” ในการเลี้ยงบุตรให้โตขึ้นมามีสุขภาพและทักษะที่ดี จะได้เจริญเติบโตไปเป็นประชากรที่มีคุณภาพต่อสังคมต่อไป
ด้านล่างคือกราฟที่บ่งบอกค่าใช้จ่ายของการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นในแต่ละประเทศ จะเห็นได้ว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ นะครับ
การมีลูกก่อนวัยอันควรนั้นเป็นปัญหาที่ยากจะควบคุมในประเทศอเมริกา สถิติในปี 2012 ชี้ว่าในเด็กผู้หญิงวัย 15 ถึง 19 ปี ทุก ๆ 1000 คนจะมีถึง 29.4 คนที่ให้กำเนิดในช่วงอายุนี้ (ในประเทศไทยนั้นตัวเลขอยู่ที่ 47 คนต่อ 1000 คนในปี 2010)
ที่น่าสนใจกว่าคือตัวเลขในอเมริกานี้ตกลงมาจาก 40.2 คนในปี 2008 หรือแค่ 4 ปีก่อนหน้าเท่านั้นเอง ซึ่งช่วงเวลานี้ชนกับตอนที่รายการทีวี “Teen Mom” ออกอากาศในประเทศอเมริกาพอดี
งานวิจัยชื่อ “Media Influences on Social Outcomes: The Impact of MTV’s 16 and Pregnant on Teen Childbearing” โดย Kearney กับ Levine ชี้ให้เห็นว่าการดูรายการนี้สามารถลดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นได้จริง
งานชิ้นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความเข้าใจของเราว่า “สื่อ” สามารถมีอิทธิพลต่อการกระทำและความคิดของคนเราได้แค่ไหน และ “อะไร” ในรายการนี้ที่ทำให้วัยรุ่นพยายามหลีกเลี่ยงการท้องก่อนวัยอันควร อีกทั้งยังเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถโต้เถียงกับงานวิจัยชิ้นอื่น ๆ ที่เคยสันนิษฐานเอาลอย ๆ ว่า “ยิ่งดูยิ่งอยากเอาอย่าง” อีกด้วย
Kearney กับ Levine จ้างผู้ช่วยวิจัยมานั่งดูรายการ 16 and Pregnant ทุกตอน (น่าสงสารผู้ช่วยพวกนี้มาก!) และบันทึกว่ามีข้อสังเกตุอะไรบ้างในแต่ละตอน โดยรายการนี้เป็นการทีวีที่ติดตามชีวิตคุณแม่วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้วางแผนใด ๆ
จากการดูหมดทุกตอน Kearney กับ Levine พบว่ารายการนี้เน้น
นักวิจัยทั้งสองใช้ตัวแปรการ release ตอนใหม่ของ 16 and Pregnant ในแต่ละภูมิภาคเป็นตัวส่งสัญญานว่าไปแปรผัน google search intensity และ twitter เกี่ยวกับการป้องกันการตั้งครรภ์มากแค่ไหนในแต่ละเทศมลฑล นอกจากนั้นพวกเขายังทำการเชื่อมทีวีเรตติ้ง (ความนิยม) ของรายการนี้เข้ากับข้อมูลการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอีกด้วย
ปัญหาสำคัญของการทำวิจัยแบบนี้คือคนที่เลือกดูรายการนี้ในบางเทศมลฑลอาจจะเป็นคนที่มีความเสี่ยงท้องก่อนวัยอันควรอยู่แล้ว หากสุ่มสี่สุ่มห้าทำวิจัยไปจะได้ผลที่ไม่เที่ยงตรง วิธีแก้คือการใช้ความนิยมของช่อง MTV ก่อนรายการ 16 and Pregnant จะเริ่มฉายให้เป็น instrumental variable เพื่อที่จะคัดเอาเรตติ้งความนิยมที่มาจากรายการนี้ออกไป เอาให้เหลือแค่ความนิยมในช่อง MTV ในแต่ละเทศมลฑลที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเท่านั้น
งานวิจัยนี้ไม่ได้ทำการทดลองให้เด็กธรรมดา ๆ แต่เป็นเด็กที่ดูช่อง MTV อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการตีความผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะต้องเชื่อมโยงกับเด็กกลุ่มนี้เท่านั้น ไม่ใช่กับกลุ่มเด็กทั่วไปครับ
แม้ว่ารายการ 16 and Pregnant หรือ Teen Momนั้นจะเป็นที่รู้กันในประเทศอเมริกาว่าเป็นรายการยอดแย่ ไม่ประเทืองปัญญาและน่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กผู้หญิงวัยรุ่น งานวิจัยชิ้นนี้พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าจริง ๆ แล้วรายการอื้อฉาวนี้กลับมีผลทางบวกแบบคาดไม่ถึง คาดว่าสาเหตุคือผู้ชมได้เห็นความลำบากทั้งทางจิตใจและทางกายเวลาตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม เลยพยายามหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
จริง ๆ แล้ว “สื่อ” สามารถทำให้สังคมเราดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับ content เนื้อหาข้างใน และวิจารณญาณของผู้ชม
นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนที่บ่งบอกถึงพลังของสื่อว่ามันสามารถหล่อหลอมสังคมของเราได้แค่ไหน และทำให้เราเห็นว่าการปล่อยให้ผู้ชมดูแล้วไปคิดเอาเองโดยไม่ต้องเซ็นต์เซอร์อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไปครับ
Recent Comments