โมเดลธุรกิจส่งอาหารสดผ่านไปรษณีย์นั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศสหรัฐฯอเมริกา แต่ปัญหาหลักของธุรกิจส่งอาหารสดเหล่านี้คือราคาที่ค่อนข้างสูงเพราะว่ามีต้นทุนสูงในการคุมความสดก่อนที่อาหารจะไปถึงหน้าบ้านของลูกค้า ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มอาจจะไม่เลือกใช้บริการ ในหมู่ธุรกิจเหล่านี้ผู้เขียนคิดว่า NatureBox ตั้งราคาได้เหมาะสมกว่าเพื่อนและยังเป็นธุรกิจที่น่าจะดัดแปลงมาทำได้ในประเทศไทยเมื่อระบบไปรษณีย์ของเราพัฒนาขึ้น
NatureBox นั้นเป็นธุรกิจจัดส่งขนมขบเคี้ยวที่ถูกรับรองโดยนักโภชนาการแล้วว่าดีต่อสุขภาพ จุดขายหลักคือ
NatureBox นั้นคล้ายอีกหลายธุรกิจที่ใช้โมเดลสมัครสมาชิก เช่นธุรกิจนิตยสาร คือทำการส่งขนมรายเดือนให้กับลูกค้าที่สมัครสมาชิกเดือนละห้าห่อ ยิ่งสมัครเป็นระยะเวลานาน ยิ่งราคาต่อเดือนถูกลง ยกตัวอย่างเช่นหากสมัครแบบรายปี ราคาจะหล่นจากเดือนละ 19.95 เหรียญ เป็น 15.95 เหรียญต่อเดือน ลูกค้าที่ชื่นชอบมากและต้องการสมัครแบบระยะยาวก็จะได้ส่วนลด ส่วน NatureBox ก็จะได้เงินสดก้อนใหญ่ (15.95 คูณ 12) มาหมุนก่อนตั้งแต่ตอนต้นปี
เมื่อเราสมัครสมาชิกแล้วก็สามารถเลือกจากขนมเป็นร้อยอย่างว่าต้องการขนมชนิดไหนบ้านในเดือนถัดไป ขนมเหล่านี้เป็นขนมที่ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติสูง ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตสเป็นองค์ประกอบจำนวนมาก ไม่มีสีเจือปน ไม่มีสารทดแทนความหวาน ไม่มี trans fats พูดง่ายๆ ก็คือเป็นขนมที่ปลอดภัยกว่าขนมตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมาก และที่สำคัญขนมของ NatureBox นั้นมองแล้วรู้ว่ามันทำมาจากอะไร เช่น ข้าวโพดคั่ว ก็เห็นเป็นข้าวโพด สับปะรดก็มาเป็นแว่นๆ ตัวเป็นๆ ไม่ใช่ขนมอบกรอบประเภทที่เราไม่แน่ใจว่ามันทำมาจากอะไรบ้าง
ผู้เขียนคิดว่าราคาเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ NatureBox รุกเข้าตลาดที่กว้างขึ้นได้ หากลองสมมุติดูว่าก่อนโลกนี้มี NatureBox คนปกติรับประทานขนมห้าห่อต่อเดือน (น่าจะเกินด้วยซ้ำไป) พวกเขาจะต้องจ่ายเงินราวๆ 3-5 เหรียญ ต่อถุง เดือนนึงก็ราวๆ 15-25 เหรียญแล้ว การที่ NatureBox ตั้งราคาไว้สูงกว่า 15 เหรียญนิดเดียวแต่เสนอว่าเป็นทางเลือกของการขบเคี้ยวที่ดีกว่านั้นฉลาดมาก ยิ่งถ้าสมัครแบบรายปี ราคาตกถุงละ 3.19 เหรียญเท่านั้นเอง เวลาราคามันใกล้กับขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพขนาดนี้มันง่ายมากที่จะทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเลิกทานขนมพวกนั้นแล้วหันมาหา NatureBox แทน ทั้งๆ ที่ลูกค้าเหล่านี้อาจจะไม่ได้แพ้ถั่ว แพ้ soy หรือกำลังควบคุมอาหาร เพราะว่า NatureBox ตีโจทย์แตกด้วยขนมที่ทั้งอร่อย ทั้งดีต่อสุขภาพ และราคาไม่แพงเกินไปแล้ว
อุปสรรคสำคัญของธุรกิจประเภทนี้คือการเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ได้มากที่สุด คนเรายังไม่คุ้นกับการจ่ายเงินซื้อขนมทีละเกือบ 20 เหรียญต่อเดือน (ถ้าจะสมัครรายปีคุณต้องจ่ายทีเดียวประมาณ 191.4 เหรียญทันที) ซึ่งการจ่ายเงินก้อนนี้ (20 เหรียญนั้นประมาณ 650 บาท) ในคราวเดียว มันฟังดูเยอะมากสำหรับการซื้อแค่ขนม ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วหากลองคำนวนดูจริงๆ แล้วมันไม่แพงเลยหากยังไงๆ คุณก็ต้องเดินออกไปซื้อขนมมารวมแล้วราคาเกิน 20 ตอนท้ายเดือนนั้น NatureBox ทราบดีว่าธุรกิจเขาจะรอดได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถขยายฐานลูกค้าได้ไวๆ ขณะนี้จึงมีโปรโมชั่นชวนเพื่อน หากเพื่อนกลายเป็นสมาชิกในที่สุดคุณก็จะได้ผลตอบแทน
ขนมที่ NatureBox ขายอยู่นั้นผู้เขียนคิดว่าเมืองไทยมีโอกาสสูงมากที่จะขนเอาขนมเราไปแข่งหรือเอาไปดัดแปลง เพราะหลายอย่างที่ขายดีคือพวกผลไม้กวนหรือขนมที่มี texture คล้ายกระยาสารทซึ่งของไทยเราอร่อยมาก เมืองไทยตอนนี้การส่งขนมเพื่อสุขภาพคงเป็นไอเดียที่ยังใหม่และการจราจรก็ติดขัดมากในกรุงเทพฯ แต่หากคิดในมุมกลับกันการที่เราไม่ต้องออกจากบ้านทนรถติดมาซื้อขนมก็ดีเหมือนกันถ้ามีธุรกิจรับส่งควานหาขนมร้านอร่อยและนำส่งถึงบ้านคุณได้
Recent Comments