เศรษฐกิจยุค AI หน้าตาเป็นแบบไหน?
เศรษฐกิจยุค AI หน้าตาเป็นแบบไหน? ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่คำว่า ‘AI’ ส่วนหนึ่งเป็นพลังความตื่นตัวกับกระแส แต่ความตื่นตัวนี้เองก็เริ่มขับเคลื่อนหลาย ๆ อย่างให้กลายเป็นความเปลี่ยนแปลงจริงเหมือนกัน Earning Calls บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในไตรมาสแรกของปี 2023 มีคำว่า ‘AI’ ปรากฏอยู่เกิน 200 คำ มากกว่าปีก่อน 5 เท่า ล่าสุด NVIDIA บริษัทการ์ดจอและบริการอื่น ๆ ที่ AI ต้องใช้งานก็ทำรายได้เหนือความคาดหมายของนักลงทุน รายงาน Future of Jobs 2023 ของ WEF คาดว่าจะมี disruptions ในงานกว่า 23% ของงานทั้งหมดในโลกในระยะ 5 ปีข้างหน้า ชัดว่ากระแสมา เงินลงทุนมา ผลประกอบการเริ่มมา บริการใหม่ ๆ ก็ผุดเกิดขึ้นทุกวัน แต่ที่ยังเห็นไม่ชัดและสำคัญคือ หน้าตา รูปแบบ และผลกระทบของ ‘เศรษฐกิจ AI’ อันเป็นพื้นที่ของการแข่งขันใหม่บนพื้นฐานของโครงสร้างเทคโนโลยีชิ้นนี้ […]
เล่มแรกต้องเขียนให้เหมือนตีดาบ 🔥 นักเขียนรุ่นใหญ่ท่านหนึ่งให้คำแนะนำผมเมื่อหลายปีก่อน คำแนะนำนี้ทำให้ผมเหนื่อยกว่าเดิมมาก 😂 แต่ก็ขอบพระคุณมากนะครับ มันทำให้งานเขียนครั้งนี้มีความหมายขึ้น และนำพาผมไปไกลกว่าแค่การรวมเล่มมาก… …มากแค่ไหนต้องรออ่านกันในเล่มจริง ๆ แต่ใบ้ให้ว่า…ตั้งแต่ต้นฉบับเสร็จ 90% คอนเซ็ปต์ เรื่องราว และความคิดในหนังสือเล่มนี้ได้ท่องโลกไปไกลถึงแนวหน้าของ Web3, ติดชาร์ท OpenSea อยู่วันนึงที่ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะเป็นไปได้, ไปรุกไทม์แสควร์ในช่วงสัปดาห์ NFT.NYC อันแสนระห่ำ, ไปในคราบกาแฟไทยที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั่วโลก, ไปเขียนเรื่องราวขึ้นมาใหม่ร่วมกับคนแปลกหน้าในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ, และทุกวันยังคงบุกเบิกนวัตกรรมใหม่ในพื้นที่ที่เอไอมาบรรจบกับบล็อกเชน เพื่อให้ “ส่วนที่ดี”ในหนังสือเกิดขึ้นจริงบนโลกนี้ นี่คือดาบเล่มแรกของผม มันอาจไม่สมบูรณ์หรือคมที่สุดด้วยวัย 34 แต่คิดว่าเป็นดาบเล่มที่ทุ่มไปสุดตัวแล้ว คำนิยม “คือหนังสือที่ผมรอคอย จูงมือเราเข้าไปในโลกที่ ไม่ใช่แค่ ‘ฝัน’ ขึ้นมาเฉยๆ หากเกิดจากฐานข้อมูลและความรู้แน่นหนา ทำให้ ‘โลกอนาคต’ ที่ว่านั้นมิใช่ ‘นิยายไซไฟ’ หากคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงรอบตัวเรา จะอ่านในฐานะ ‘นิยายโลกอนาคต’ ก็ได้ จะอ่านในฐานะ ‘หนังสือคาดการณ์โลกอนาคต’ ก็ได้ ว่าแต่ว่าทุกวันนี้เรายังสามารถแยก ‘จินตนาการ’ กับ ‘ความจริง’ ออกจากกันได้จริงหรือ” — […]
บทเรียนชีวิตจากตำราเศรษฐศาสตร์ (ตอนที่ 2): สะสมอำนาจและอยู่ให้ถูกตลาด
จากที่ผู้เขียนร่ำเรียนเศรษฐศาสตร์มา 9 ปี และใช้ชีวิตมาจะครบ 30 ปีแล้ว พบว่าแม้หลายอย่างในตำราจะไม่ค่อยมีประโยชน์โดยตรงนักในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะมัน “obvious” (ชัดเจน) อยู่แล้ว หรือมันซับซ้อนเกินไป แต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตจริงมักจะโผล่เข้ามาอย่างเป็นประจำ คอยย้ำอยู่นั่น มันทำให้เราคิดว่า “อืม…เป็นอย่างนั้นจริงๆ อีกแล้วแฮะ” บทความซีรีย์นี้จะหยิบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากตำราเศรษฐศาสตร์ที่ผมมองว่ามีประโยชน์ต่อชีวิตจริงมาเล่าผ่านประสบการณ์จริง เผื่อจะไปเป็นประโยชน์ต่อชีวิตผู้อ่านไม่มากก็น้อยครับ ตอนที่แล้วเราคุยกันว่า “ทำไมผู้อ่อนไหวคือผู้ชนะ” ส่วนตอนที่ 2 เราจะมาดูบทเรียนที่สอง นั่นก็คือการสะสมอำนาจและอยู่ให้ถูกตลาด
บทเรียนชีวิตจากตำราเศรษฐศาสตร์ (ตอนที่ 1): ผู้อ่อนไหวคือผู้ชนะ
จากที่ผู้เขียนร่ำเรียนเศรษฐศาสตร์มา 9 ปี และใช้ชีวิตมาจะครบ 30 ปีแล้ว พบว่าแม้หลายอย่างในตำราจะไม่ค่อยมีประโยชน์โดยตรงนักในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะมัน “obvious” อยู่แล้ว หรือมันซับซ้อนเกินไป แต่สิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตจริงมักจะโผล่เข้ามาอย่างเป็นประจำ คอยย้ำอยู่นั้น มันทำให้เราคิดว่า “อืม.. เป็นอย่างนั้นจริงๆ อีกแล้วแฮะ” บทความซีรีย์นี้จะหยิบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากตำราเศรษฐศาสตร์ที่ผมมองว่ามีประโยชน์ต่อชีวิตจริงมาเล่าผ่านประสบการณ์จริง เผื่อจะไปเป็นประโยชน์ต่อชีวิตผู้อ่านไม่มากก็น้อยครับ
สองสิ่งที่ยังขาด...แต่จำเป็นต่อการปฏิรูปการศึกษา (ให้ไม่หลงทาง)
ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื้อรังในระบบการศึกษาและปัญหามีจำนวนมากมายแทบจะทุกจุดของระบบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคะแนน PISA ต่ำจนน่ากังวล ปัญหาเด็กออกกลางคัน ปัญหาระบบประเมินครูที่ไม่มีความหมาย ปัญหาครูไม่พร้อมสอนภาษาอังกฤษ ปัญหาความเหลื่อมล้ำของการศึกษาระหว่างประชากรในกลุ่มต่างๆ จะควบคุมธุรกิจกวดวิชาอย่างไร ฯลฯ แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือในหลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้นิ่งเฉยและเราไม่ได้ไม่มีเงินที่จะเอามาใช้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด (ราว 18% ของงบประมาณทั้งหมด) เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนต่อ GDP แล้วถือมากกว่าอีกหลายประเทศที่มีผลลัพธ์ทางการศึกษาดีกว่าเรา ในมุมมองของผู้เขียน สิ่งที่เป็นต้นตอของแทบทุกปัญหาการศึกษาไทยก็คือ “ปัญหาจ่ายมากได้น้อย” นั่นเอง เหตุผลที่เกิดปัญหา “จ่ายมากได้น้อย” อันเรื้อรังมาเป็นเวลานานหลายปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราทุกคนต่างวาดภาพ “การศึกษาในอุดมคติ” ไว้ในหัวกันทั้งนั้น ลองสังเกตดูสิครับ ทุกวันนี้ไม่ว่าใครจะอยู่ในสายอาชีพใด ไม่ว่าจะมีประสบการณ์ในระบบการศึกษาจริงหรือไม่ จะพบได้ว่าแทบทุกคนจะมีมุมมองหรืออุดมการณ์หนักแน่นในการแก้ไขปัญหาการศึกษาในรูปแบบของตัวเองที่คิดว่า “น่าจะดีที่สุด” กันทั้งนั้น แต่ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับคือแทบจะไม่มีใครทราบเลยว่า หนึ่ง จะทำให้สภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไปถึง “การศึกษาในอุดมคติ”เหล่านั้นได้อย่างไร? และ สอง จะทราบได้อย่างไรว่า “การศึกษาในอุดมคติ” ของใครดีกว่ากัน หรือเหมาะสมกับบริบทของประเทศมากกว่ากัน? จึงไม่แปลกที่ในหลายสิบปีที่ผ่านมาเรามีการเปลี่ยนผู้นำการศึกษาไทยเฉลี่ยแล้วแทบจะทุกปี และเราได้เห็นการดำเนินนโยบายการศึกษาที่มาจากหลายแนวคิดมากภายในเวลาอันสั้น แต่สิ่งที่แทบไม่เปลี่ยนคือความผิดหวังในจิตใจประชาชนจำนวนมากที่ว่าความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและการเมืองเหล่านี้ กับการอัดฉีดเม็ดเงินอันมหาศาลที่ผ่านมา ไม่เห็นได้นำมาซึ่งความก้าวหน้าในการพัฒนาอนาคตของชาติเลย บทความชิ้นนี้เสนอ 2 สิ่งที่ผู้เขียนคิดว่าจะช่วยให้เราปฏิรูปการศึกษาได้อย่างมีทิศทางมากขึ้นครับ
Bitcoin เข้าภาวะฟองสบู่หรือยัง?
ในหนึ่งปีที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin ขึ้นมากว่า 1000% ขณะนี้ราคาขึ้นมาแตะที่ระดับเกิน 1 หมื่นดอลลาร์ต่อ 1 BTC แล้ว ทำให้ market capitalization ของ Bitcoin เท่ากับราวๆน้องๆ 50 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ไทยปีที่แล้วเลยทีเดียว มูลค่าของเงินดิจิทัลที่สัมผัสไม่ได้ ที่เคยไร้ค่า ตอนนี้พอๆ กับเกือบครึ่งของ GDP ประเทศไทย หลายคนเห็นราคาแบบนี้แล้วจึงสงสัยว่า “เขาซื้อ Bitcoin กันไปทำไม” และ “มันเป็นฟองสบู่หรือเปล่า?” “ทำไมถึงมีคนคิดว่าจะยังวิ่งไปได้อีก”
Future of Money (ตอนที่ 1): ใครๆ ก็ให้กู้ได้
นับวันเทคโนโลยียิ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เราไม่เคยนึกมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ของเรากับ “เงิน ที่ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างน่าตกใจ จากเคยใช้เงินสดสู้การใช้ QR code จากแต่งตัวเดินไปธนาคารสู่โอนเงินผ่านแอพในชุดนอน หรือแม้กระทั่งจากที่ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแสนคุ้นเคยสู่การใช้เงินคริปโต บทความซีรี่ย์ Future of Money จะหยิบมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเงินที่กำลังเปลี่ยนไปมาเล่าให้ผู้อ่านฟังกันครับ
ประเดิมกันไปสดๆ ร้อนๆ นะครับกับตลาด Bitcoin futures สองแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่เปิดตัวไปในอาทิตย์ที่ผ่านมา สัญญา Futures ของ Bitcoin ภายใต้ ticker “XBT” เปิดให้เทรดที่ Cboe ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ราคา futures เดือนมกราคาของ Bitcoin ก็ทยานขึ้นไปเกิน 25% ส่งผลให้ตลาดเกิด circuit breaker ยุติการซื้อขายชั่วคราวถึง 2 ครั้ง ถือเป็นสัญญานว่า Wall St. มองว่า Bitcoin จะยังไปต่อได้อีก คลายความกังวลในหมู่นักเทรด Bitcoin กันไปชั่วขณะเนื่องจากในอาทิตย์ที่ผ่านมาเริ่มมีกระแสว่าการมาของตลาด Futures ครั้งนี้อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นยักษ์ใหญ่เข้ามาถล่มและเก็งกำไรจากการร่วงหล่นของราคา Bitcoin ในตลาด Spot บทความนี้จะชี้ 2 ประเด็นที่น่าจับตามองหลังจากที่ Wall St. กำลังเข้ามาร่วมวงในโลกคริปโตครั้งนี้ครับ
ธนาคาร: อยู่รอดในยุคฟินเทคได้อย่างไร?
ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมาคำว่า “ฟินเทค” กลายเป็นคำพูดที่ติดหูที่สุดในแวดวงการเงินทั่วโลก จากเดิมที่คนเราคุ้นเคยกับการเดินทางไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร ตอนนี้การทำธุรกรรมที่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องเจอใครเลยจากทุกที่บนโลก (และบางทีไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ) กำลังจะกลายเป็น new normal สำหรับผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อย แม้ว่าธนาคารใหญ่ๆ หลายเจ้าจะเริ่มไหวตัวกันแล้วบ้างแล้ว เช่น เริ่ม digitize ข้อมูลและระบบเดิมมากขึ้นหรือเริ่มทำ mobile banking ก็ยังถือว่าเป็นการปรับตัวที่เชื่องช้ามากเมื่อเทียบกับไอเดียและความคิดที่กำลังถูกปรุงแต่งโดยทีมสตาร์ตอัพฟินเทคใหม่ๆ จึงเกิดคำถามขึ้นว่าธนาคารยุคเก่าที่เราคุ้นเคยกันจะอยู่รอดอย่างไรท่ามกลางคลื่นลูกใหม่ที่กำลังรุกรานถิ่นเก่าการเงินนี้
3 Cryptocurrency ที่น่าติดตามไม่แพ้ Bitcoin
ขณะนี้คงไม่มีใครในโลกลงทุนที่ไม่รู้จักเงินสกุลดิจิทัลหรือ “cryptocurrency” แล้ว market capitalization ในตลาด cryptocurrency อยู่ที่เฉียดๆ 170 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของ market capitalization ของ SET50! โดยมีเงินสกุลดิจิทัลพันธุ์ใหม่ๆ เกิดแก่เจ็บตายกันเป็นว่าเล่น บทความนี้จะพาท่่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 3 สกุลเงินดิจิทัลที่ถึงแม้จะยังไม่โด่งดังเท่า Bitcoin หรือ Ethereum (สองสกุลที่ครองกว่า 70% ของตลาด cryptocurrency) แต่ผู้เขียนคิดว่ามีอุดมการณ์เบื้องหลังที่น่าติดตามและมีโอกาสขึ้นมาสร้างบทบาทมากขึ้นในอนาคตครับ 1.Ripple (XRP) Ripple ที่จริงแล้วไม่ใช่ชื่อสกุลเงินดิจิทัลแต่เป็นชื่อของระบบเครือข่ายการชำระเงินทั่วโลกแบบ “cryptoๆ” ที่ช่วยอำนวยให้การชำระเงิน แลกเปลี่ยนหรือส่งสินทรัพย์ไม่ว่าจะจากที่ใดในโลก เกิดขึ้นได้อย่างไร้แรงเสียดทานและรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก การส่งเงินต่างสกุลให้ญาติที่อยู่ต่างแดน พูดง่ายๆ ก็คือ Ripple เป็นตัวกลางที่คอยเสาะหาช่องทางที่มีต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับการทำธุรกรรมทุกประเภท สองจุดที่ Ripple สามารถเข้ามาเขย่าวงการได้มากที่สุดคือ 1. การทำ settlement ระหว่างธนาคาร 2.การแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ทั้งสองจุดนี้หลายคนคงทราบดีว่าเข้าจุดอิ่มตัวมานานหลายสิบปี มีกระบวนการที่หลายต่อ และมีพ่อค้าคนกลางหลายคน การทำ settlement […]
3 ประเด็นสำคัญจาก Global Competitiveness Report 2017–2018
ล่าสุดทาง World Economic Forum ได้ออกรายงาน Global Competitiveness Report (GCR) สำหรับปี 2017-2018 ซึ่งถือเป็นรายงานที่มีอิทธิพลอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ นักวิชาการและนักพัฒนานโยบายทั่วโลก สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกับรายงานฉบับนี้ GCR เป็นผลพวงมาจากการเก็บข้อมูลเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศจากหลายองค์กร รวมไปถึงการทำแบบสอบถามถึงมุมมองของกลุ่มนักธุรกิจ เพื่อประกอบกันเป็นดัชนีความสามารถในการแข่งขัน (Global Competitiveness Index หรือย่อว่า GCI) ที่สามารถใช้ช่วยอธิบายการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวและความมั่งคั่งของแต่ละประเทศได้ จุดเด่นของรายงานฉบับนี้คือเราสามารถเจาะลึกลงไปดูได้ว่าในแต่ละประเทศมีจุดอ่อนจุดแข็งในด้านไหนบ้างใน 12 มิติของการพัฒนา และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วประเทศของเราอยู่ตรงไหน โดยรวมแล้วดัชนี GCI ของประเทศไทยในปีนี้ขยับขึ้นมา 2 อันดับจากปีที่แล้วสู่อันดับที่ 32 ของโลก (แต่ก็ยังต่ำกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว) เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียแปซิฟิกแล้ว ไทยเราจัดว่าอยู่ “กลางๆ” คือยังคงตามหลังมาเลเซีย และเศรษฐกิจรุ่นพี่ที่พัฒนาไปไกลแล้วอย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน แต่ถือว่ายังดีกว่าเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม บทความนี้จะสรุป 3 […]
กินหวานแต่ไม่อดเปรี้ยว: อุปสรรคในการวางแผนการเงินและชีวิต
คนไทยประมาณ 70 ถึง 80% ออมเงินไม่พอสำหรับวัยเกษียณ ผลสำรวจของเมนูไลฟ์ในหมู่นักลงทุนในกรุงเทพฯ ผู้ซึ่งน่าจะครุ่นคิดถึงการวางแผนการเงินมากกว่าประชากรทั่วไปก็ยังพบว่ากว่าครึ่งคิดว่าตนมีเงินออมไม่พอสำหรับวัยเกษียณ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็พบว่าในขณะที่คนไทยออมน้อยลงนั้น การบริโภคมีแต่จะโตขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคประเภทอาหารการกิน เสื้อผ้า ส่วนการบริโภคในด้านการศึกษากลับหดตัวลง ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าอัตราดอกเบี้ยตกต่ำมานาน ตลาดหุ้นก็นิ่งๆ มาหลายปี แรงจูงใจในการตัดใจไม่บริโภควันนี้แล้วเอาไปออมหรือลงทุนจึงมีไม่มากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกส่วนมันเป็นเพราะความผิดพลาดในการตัดสินใจของคนเราเองด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราตัดสินใจวางแผนการเงินและชีวิตได้ไม่ดีพอ คือการที่เราให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากเกินไปจนเกิดการผลัดวันประกันพรุ่ง (ไปเรื่อยๆ) แทนที่เราจะใจเย็นยอมเก็บออมวันนี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่ามากๆ ในวันข้างหน้า เรากลับมักเลือกดื่มด่ำกับความสุขเล็กๆ วันนี้แทน (ซึ่งทำให้เราอดได้ผลตอบแทนขนาดใหญ่กว่าในอนาคต) และหากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ท้ายสุดแล้วในระยะยาวเราจะหันกลับมามองอดีตแล้วพบว่าเราตัดสินใจผิดพลาดแบบเล็กๆ น้อยๆ มาโดยตลอด บทความนี้จะอธิบายถึงความลำเอียงทางเวลาอย่างหนึ่งที่มีส่วนทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ดีนักและแนะนำ 3 วิธีต่อกรกับมันเพื่อชีวิตที่ดีกว่าครับ
ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ: ดีไม่ดีดูอย่างไร
หลังจากที่ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กับตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ขึ้นจาก 300 บาทไปเป็น 600-700 บาทต่อวันนั้นก็ได้เกิดกระแสตอบโต้มากมายทั้งจากรัฐบาลและจากฝั่งเอกชน ในวงการเศรษฐศาสตร์เองการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันอย่างเผ็ดมันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราว่างงานต่ำ ช่วงหาเสียง และช่วงที่สังคมเริ่มไม่ทนกับระดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ บทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ ผลกระทบที่ “สามารถเกิดขึ้นได้” ในเชิงทฤษฎี และหลักฐานจากการวิจัยจริงแบบสั้นๆ มาให้ท่านผู้อ่านได้เก็บไปคิดกันเผื่อวันหนึ่งจะมีการขึ้นค่าแรงอีกครั้งครับ
เจาะข้อมูลอุบัติเหตุ 4 แสนกรณีช่วงเทศกาลจากปี 2551-2558
วันนี้ผมเก็บ “ภาพเด็ดๆ” ซึ่งมาจากข้อมูลจริงเกี่ยวกับปัญหาใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทยมาให้ดูกันครับ นั่นก็คือปัญหาที่ว่า “ทำไมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนมากมายเหลือเกิน?” ใน Top 20 ประเทศที่มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด มีประเทศด้อยพัฒนาจากทวีปแอฟริกา 18 ประเทศ ที่เหลือคือ อิหร่าน กับ ไทย (เราติดอันดับ 2 ของโลกรองจากลิเบีย) โดยมีการคาดไว้ว่าทุกๆ ปี เราจะสูญเสียพี่น้องชาวไทยไปประมาณ 24,000 คนเพราะอุบัติเหตุพวกนี้ ที่น่าโมโหเป็นเพราะว่าอุบัติเหตุมันเป็นอะไรที่ป้องกันได้ และขอบอกก่อนเลยว่าบทความนี้ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ยิ่งผมล้างข้อมูลและเอาหยิบมา plot ยิ่งน่าหดหู่ แต่ที่ต้องการเอา visualization มาแชร์ให้พวกเราเก็บไปช่วยๆ คิดกันเป็นเพราะว่าปัญหาอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตคนเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก มีตัวแปรจำนวนมากที่กระทบโอกาสการเกิดของมัน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของถนน ความเร็วและประเภทของยานพาหนะ ความรักชีวิตของคนขับ พฤติกรรมดื่มสุรา การคาดเข็มขัด ความหย่อนยานของกฎหมาย ไปจนถึงความเร็วของหน่วยฉุกเฉิน เพราะฉะนั้นมันถึงแก้ยาก ถ้าแก้ผิดตัวแปร หรือแก้ไม่ครบ ปัญหานี้จะยังอยู่ต่อไป ข้อมูลในบทความนี้ดาวน์โหลดฟรีได้จาก data.go.th เป็นข้อมูลรายกรณีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงปีใหม่และสงกรานต์ จากทั่วประเทศ ที่เข้าใจว่าเก็บโดยโรงพยาบาลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 ถึง 2558 (สงกรานต์มีแค่ถึง 2557) […]
3 แนวคิดลงทุนกับลูกในยุคแข่งขันสูง
ผมเพิ่งเป็นคุณพ่อมือใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมาก็ได้ศึกษาศาสตร์แห่งการพัฒนาเด็กมาไม่น้อย บวกกับตัวเองทำวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์อยู่แล้ว วันนี้ผมเลยจะมาเสนอ 3 แนวคิดของผมเกี่ยวกับการลงทุนกับลูกในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมันเร็วยิ่งกว่ากระพิบตาและค่าเล่าเรียนแพงขึ้นทุกปีจนทำให้พ่อแม่รุ่นใหม่ๆ ครุ่นเครียดกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการให้เรามองว่าลูกเป็นสินทรัพย์ที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับพ่อแม่แต่อย่างใด เพียงแต่เห็นว่าพ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี มีความสุข และเป็นคนที่สมบูรณ์เสียยิ่งกว่าตัวเอง สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ล้วนแต่ต้องแลกมาด้วยทรัพยากรของพ่อแม่ในระยะแรกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เวลา เงิน หรือ ความรู้และความใส่ใจของพ่อแม่ ไหนๆ จะ “ลงทุน” แล้วก็ควรลงทุนอย่างมีระบบนิดนึงจริงไหมครับ
ทำไม HR ก็ควร Data-Driven: เรื่องเล่าจากเซกเตอร์การศึกษาสหรัฐฯ
ทุกวันนี้ในสังคมดิจิทัล (ที่แท้จริง) จะเหลือ “การตัดสินใจสำคัญ” ที่ยังไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ อยู่ไม่กี่ประเภท ที่หลงเหลืออยู่ ส่วนมากจะเป็นการตัดสินใจที่มี 3 ลักษณะ เด่น คือ 1) สมัยก่อนไม่เคยมีข้อมูล ดีๆ (หรือไม่มีเลย) 2) มีผลกระทบที่คอขาดบาดตาย (high-stakes) 3) มีวัฒนธรรมในสังคมหรือองค์กรที่ชี้ว่าควรให้ “สมองคน” หรือ ” ดุลพินิจ ” ของผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวชี้นำในการตัดสินใจ การสร้างทัศนคติ data-driven ระหว่างการตัดสินใจที่มีลักษณะเหล่านี้จึงเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าและมักมีกระแสต่อต้านรุมล้อม เรียกได้ว่ามี “ความเฉื่อย” ชั้นดีในการคอยรั้งการเปลี่ยนทัศนคติ เรามีทางเลือกที่จะตัดสินใจแบบเดิมๆ ต่อไป แต่หลังจากที่มีข้อมูลดีขึ้น เราเริ่มเห็นแล้วว่าการตัดสินใจเหล่านี้โดยการพึ่งพา “คน” อย่างเดียวนั้นมีข้อจำกัดหรืออาจมีโทษด้วยซ้ำ เช่น ในการตัดสินใจฝากขังหรือปล่อยตัวจำเลยโดยผู้พิพาษาที่พบว่ามีการปล่อยตัวพลาดเป็นจำนวนมากอย่างน่าตกใจ เป็นต้น เพื่อให้เห็นภาพ ผู้เขียนจะขอยกตัวอย่างที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกัน นั่นก็คือ การตัดสินใจจ้างงาน ขึ้น/ลดเงินเดือน หรือเชิญ ออก โดยจะเป็นตัวอย่างที่มาจากประสบการณ์ทำงานวิจัยของผู้เขียนในความร่วมมือกับ school district แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ อเมริกาเพื่อหา insight […]
G-20 กับเกมกีดกันการค้าของทรัมป์
หลังจากที่การประชุม G-20 เสร็จสิ้นไปได้ไม่กี่วัน เราจะได้เห็นกันว่าทรัมป์จะเริ่มเปิดศึกการค้าโลกโดยการเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กกล้าขึ้นมาได้มากถึง 20% จริงๆ หรือไม่ในอีกไม่กี่วันนี้ ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ส่งออกเหล็กกล้าหลักสำหรับสหรัฐฯ (แคนาดา บราซิล และ เกาหลีใต้) แต่ที่ประเด็นนี้สำคัญเป็นเพราะว่าหลายคนมองว่าการตัดสินใจของทรัมป์ครั้งนี้เป็นเหมือนการเปิดศึกการค้าโลกอย่างเป็นทางการ จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นการตักเตือนให้ทรัมป์แตะเบรคกีดกันทางการค้าโดยผู้นำเศรษฐกิจกลุ่ม G-20 แทบจะทุกคน ณ การประชุม G-20 ครั้งล่าสุดเมื่ออาทิตย์ก่อน และหากกลุ่ม G-20 ที่เหลือเริ่มทำการโต้กลับขึ้นมาแล้วเกิดสงครามการค้าโลกเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็จะเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงเนื่องจากเศรษฐกิจกลุ่ม G-20 เป็นถึงกว่า 78% ของมูลค่าการค้าโลกทั้งหมด บทความนี้จะพาท่านผู้อ่านไปสำรวจข้อมูลมาตรการกีดกันทางการค้าและรายงานประจำครึ่งปีของ Global Trade Alert ที่สะท้อนหลายประเด็นที่น่าคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมของสหรัฐฯและ G-20 หลังชัยชนะของทรัมป์ครับ 1.พฤติกรรมกีดกันทางการค้าของ G-20 ต่อประเทศทั่วโลก ภาพด้านบนมากจากรายงานครึ่งปีแรกของปี 2017 โดย Global Trade Alert (เป็นโปรเจ็คที่เริ่มโดย Think Tank สหรัฐฯ ชื่อดัง The Center for Economic and Policy […]
ทำไมธุรกิจถึงจะอยากรับ Bitcoin?
ในหนึ่งปีที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 300% และมี market value กว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (มากกว่า Ebay เสียอีก) จากเดิมที่ Bitcoin เป็นแค่กระแสฮิตในห้องแชท ทุกวันนี้ธุรกิจหลายแห่งทั่วโลกเริ่มรับ Bitcoin กันอย่างเป็นทางการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Expedia ร้าน Bic Camera ที่พวกเราชอบไปเที่ยวในญี่ปุ่น แม้กระทั่งร้านอาหารบางร้าน เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวไทยลิ้มเหล่าโหงว และมีการคาดกันว่าภายในปีนี้จำนวนร้านค้าที่รับ Bitcoin จะทะลุ 3 แสนแห่งในประเทศญี่ปุ่น แต่มีคำถามที่ยังคาใจหลายๆ คนอยู่ก็คือ “ถ้ามันยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนขนาดนี้…ร้านค้าได้อะไรจากการรับ Bitcoin?” บทความนี้อธิบายเหตุผลหลักๆ 3 เหตุผลว่าทำไมร้านค้าบางร้านถึงเริ่มรับ Bitcoin ทั้งๆ ที่คนส่วนมากก็เพิ่งจะรู้จักมันเมื่อไม่กี่ปี (หรือเดือน) มานี้
คนรวยหรือคนจนมีพฤติกรรมเอื้อสังคมมากกว่ากัน?
นี่เป็นคำถามที่กำลังถูกถกเถียงกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง ซึ่งมักเป็นบ่อเกิดแห่งความเชื่อและอคติที่ไม่ได้มีข้อมูลรองรับเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนที่อยู่คนละฐานะกันกับตัวเรา เช่น คนรวยมองว่าคนจนไม่ทำประโยชน์ให้สังคม หรือ คนจนมองคนรวยว่าเอาเปรียบผู้อื่นและเห็นแก่ตัว การทดลองภาคสนามในเนเธอร์แลนด์โดยทีมนักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการให้และการช่วยเหลือผู้อื่น พบว่าการทดลอง “ตั้งใจส่งจดหมายผิดบ้านแล้วดูว่าใครจะส่งคืน” ชี้ว่าพฤติกรรมเอื้อสังคมของคนรวยและคนจนไม่ได้มีความแตกต่างกันนักถ้าเราคำนึงว่าคนจนต้องฝ่าฟันความกดดันและเครียดทางการเงิน
ทำไม Bitcoin และผองเพื่อนถึงเป็นได้มากกว่าแค่สินทรัพย์เสี่ยงสูง
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เงินดิจิทัลสกุล “Bitcoin” ฟังดูเหมือนแค่ของเล่นที่พวกคลั่งคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะซื้อเก็บไว้ เหตุผลหลักๆ คือคนส่วนมากคิดว่าเงินที่จับต้องไม่ได้มันจะเป็น “เงิน” ได้อย่างไร ใครจะไปรับ และมันจะล่มหรือไม่ เพราะมันเป็นสกุลเงินที่ไม่มีองค์กรใดๆ ดูแล จะไปอยู่รอดบนโลกที่ขนาดสกุลเงินปกติบางสกุลยังแทบจะเอาตัวไม่รอดได้อย่างไร ในช่วงแรกๆ โปรแกรมเมอร์ชาวอเมริกันคนหนึ่งได้ “ประเดิม” การใช้ Bitcoin เพื่อซื้อของบนโลกจริงโดยการจ่ายเพื่อนบนเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งไป 1 หมื่น BTC (BTC คือตัวย่อสกุล Bitcoin เหมือนกับที่ USD ย่อจาก “ดอลลาร์สหรัฐ”) เพื่อแลก กับพิซซ่าสองถาด ทุกวันนี้ Bitcoin ก้อนที่เอาไปแลกกับพิซซ่าแสนอร่อยสองถาดนั้นมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านดอลลาร์แล้ว (เข้าไปอ่านความฮาในกระทู้จริงได้ ที่นี่) ร้านค้าและธุรกิจใหญ่ๆ ก็เริ่มรับ Bitcoin กันอย่างเป็นทางการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Expedia, ร้าน Bic Camera ที่พวกเราชอบไปเที่ยวในญี่ปุ่น แม้กระทั่งร้านอาหารบางร้าน เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวไทยลิ้มเหล่าโหงว ด้วยความร้อนแรงของ cryptocurrency (ขอเรียกสั้นๆ ว่า “เงินดิจิทัล”) ที่ตอนนี้มีมูลค่าตลาดรวมกันแล้วพอๆ กับมูลค่าของบริษัทสตาร์บัคส์แล้ว (เกิน […]
Previous page Next page
Recent Comments