เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราได้เห็นภาวะ “บอนด์ยีลด์ติดลบ” ที่ทำให้หลายคนเกาหัวกันอย่างถ้วนหน้า ภาวะนี้รุนแรงไม่ใช่เล่น มีคนวิเคราะห์แล้วว่ากว่า 27% ของปริมาณตราสารหนี้รัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนทั้งหมดนั้นเข้าข่ายให้ผลตอบแทนติดลบไปเรียบร้อยแล้ว ผลตอบแทนของตราสารหนี้รัฐบาลญี่ปุ่นระยะสามปีก็ได้ลงไปติดลบเหมือนกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน น่าประหลาดไหมล่ะครับที่คนเรายอมจ่ายเงินแย่งกันเอาเงินไปให้ญี่ปุ่นยืมทั้งๆ ญี่ปุ่นจริงๆ แล้วเป็นประเทศที่มีอนาคตระยะไกลที่แย่มากๆ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนหนี้รัฐบาลต่อ GDP สูงที่สุด บวกกับมีแนวโน้มชราภาพของประชากรที่ชัดเจน กรณีของญี่ปุ่นนั้นผู้เขียนพอจะยังเข้าใจได้ว่าญี่ปุ่นจะยังไม่เจ๊งในอีกหลายปี (เหมือนที่เคยวิเคราะห์ไว้ที่นี่) แต่ที่น่าฉงนกว่าคือทำไมผลตอบแทนของตราสารหนี้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ระยะสิบปีมันถึงลงไปแตะต่ำกว่าศูนย์ได้ โลกนี้มันไม่มีอะไรดีๆ ให้เอาเงินไปลงทุนแล้วฤา?? หรือว่านักลงทุนเข้าสู่สภาวะซึมเศร้ากันหมด มองไม่เห็นโอกาสทำเงินอะไรใดๆ ในอีกสิบปีข้างหน้า? ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนของบางบริษัท เช่น GE, McDonald’s, Nestle, Royal Dutch Shell และ Proctor&Gamble ก็เคยตกต่ำกว่าศูนย์หรือกำลังมีแนวโน้มว่าจะลงไปติดลบเช่นกัน บทความนี้จะพูดถึง 3 หัวข้อหลักๆ 1. อธิบายแบบง่ายๆ ว่าอัตราตอบแทนของตราสารหนี้ติดลบนั้นจริงๆ แล้วแปลว่าอะไร 2. อะไรทำให้เกิดภาวะนี้และทำไมนักลงทุนถึงตัดสินใจซื้อ 3. ภาวะแบบนี้บ่งบอกถึงอะไร
วิกฤตหมีขาวรัสเซียและวิกฤตค่าเงินฟรังก์สวิสหรือจะสู้วิกฤต “ความโสด” บางคนเพรียกหาความรักแต่ไม่เคยสมหวัง บางคนเนื้อหอมแต่กลับทำใจสละโสดไม่ได้ บางคนสละโสดได้แต่เก็บรักษาความรักไว้ไม่ได้ ปัญหาหัวใจเหล่านี้เป็นปัญหาให้กับคนทั้งโลกไม่ว่าสังคมที่ตนอยู่อาศัยจะพัฒนาแล้ว จะด้อยพัฒนา จะมีวัฒนธรรมบังคับให้คลุมถุงชน หรือจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนใช้เว็ป online dating เพื่อหาคู่ ทุกคนล้วนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโจทย์ระดับหินว่า “จะสละโสดดีไหม ทำไม ให้กับใคร และเมื่อไหร่” บทความนี้จะนำเสนอแนวคิดของผู้เขียนเองปนๆ ไปกับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์และแนวคิดในการลงทุนในรูปแบบที่อ่านง่ายๆ เพื่อช่วยตอบโจทย์นี้ เผื่อว่าผู้อ่านบางท่านจะนำข้อคิดเหล่านี้ไปเป็นกรอบความคิดในการวิเคราะห์ภาวะความรักหรือแก้วิกฤตความโสดของตัวเองกันครับ ***ปล.1 settaKid.com ไม่รับผิดชอบผลลัพธ์ของภาวะความรักของคุณที่จะมาจากการนำข้อคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง!! ***ปล. 2 ข้อคิดเหล่านี้ assume ว่าเรามีเป้าหมายทำให้ตัวเราเองได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงสำหรับแต่ละคนก็แล้วแต่กรณีไป ***ปล.3 การใช้คำว่า “ราคา” และ “ตลาด” ในบทความนี้ไม่ได้หมายความว่าความรักหรือร่างกายและจิตใจคนซื้อขายได้ด้วยเงินทองอย่างเดียว แต่แปลว่าในโลกเรามีการนำทรัพยากรบางอย่าง จะเป็นหยาดเหงื่อ เงินทอง ดอกไม้ ตุ๊กตา ความซื่อสัตย์ หรือความจริงใจก็ตามแต่มาแลกกับสินค้าและบริการที่ผลิตออกมาจากสิ่งที่เรียกว่าความรัก ***ปล.4 “ความรัก” ในบทความนี้หมายถึง romantic love ไม่นับรักพ่อแม่รักพี่น้อง “ความโสด” ในที่นี้นั้นหมายถึงการที่ยังไม่มี “serious relationship”
Previous page Next page
Recent Comments